ข่าวประชาสัมพันธ์

นายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ก่อนเดินทางพบผู้นำศาสนาและนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา
นายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ก่อนเดินทางพบผู้นำศาสนาและนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา

นายกรัฐมนตรี ประชุมติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ก่อนเดินทางพบผู้นำศาสนาและนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา ขณะที่งานมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ มีอยู่ มีกิน มีใช้ ถูกใจลูกหนี้และพร้อมเข้าร่วมโครงการ
วันนี้ (16 ม.ค.68) 13.00 น. ที่ห้องประชุมสภาฯ ชั้น 2 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจเอก วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ในที่ประชุม ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้รายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยเฉพาะการช่วยเหลือเยียวยาตามมติ ครม. ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม เยียวยารายครัวเรือน 9,000 บาท //ล่าสุดได้ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือฯ แล้ว 3 ครั้ง ผ่านมติที่ประชุม 63,084 ครัวเรือน 567,756,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 64.29
ขณะที่นายธันวิน สวัสดิศาสนต์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการทางหลวงระหว่างประเทศ ได้รายงานความคืบหน้าโครงการสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ส่วนด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-สุไหงโก-ลก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้พิจารณาขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง เพื่อดำเนินงานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระยะเวลาศึกษา 360 วัน ซึ่งสถานะปัจจุบัน ได้จัดทำร่างของเขตงานและราคากลางงานจ้างศึกษาเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานจ้างที่ปรึกษา
ด้านนาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. ศอ.บต. รายงานความคืบหน้าการยกระดับการพัฒนาพื้นที่ด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย (ด่านบูเก๊ะตา) โครงการพัฒนาด่านศุลการกรตากใบ และการจัดสร้างแพขนานยนต์เพิ่มเติมอีก 1 ลำ รวมถึงโครงการก่อสร้างสะพานเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

สำหรับในรายละเอียด อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทาง ศอ.บต.ได้จัดตั้งคณะขับเคลื่อนโครงการฯ และได้ประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทำให้ได้ข้อสรุปในเบื้องต้น อาทิ การออกแบบสำรวจสะพาน ดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ นำเสนอการจัดหลักสูตรเตรียมความพร้อมการผลิตกำลังคนด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมการผลิตกำลังคนด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยให้มีการเรียนการสอนเพิ่มเติม ดังนี้ หลักสูตรช่างเทคนิคระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ หลักสูตรสาขาวิชาช่างเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า หลักสูตรสาขาวิชาช่างเทคนิคอากาศยาน และหลักสูตรด้านระบบขนส่งทางราง
ทั้งนี้หลังประชุมเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังจังหวัดยะลาทันที เพื่อพบปะผู้นำศาสนา และนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

อย่างไรก็ตามสำหรับงานมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ มีอยู่ มีกิน มีใช้ ที่จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงยุติธรรม ภายใต้การนำของ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดย กรมบังคับคดี และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมกันเชิญชวนลูกหนี้ กยศ. เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งมีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โดย ลูกหนี้ กยศ. ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ การปลดภาระผู้ค้ำประกัน, ขยายการผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 15 ปี ชำระเสร็จตามสัญญาลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 ดอกเบี้ยร้อยละ 1 เบี้ยปรับร้อยละ 0.5 ส่วนกรณีผู้กู้ยืมที่ถูกบังคับคดี กยศ. จะงดการบังคับคดี และผู้ค้ำประกันถูกบังคับคดี กยศ. จะถอนการบังคับคดี และจากผลการดำเนินงานภาพรวมในปี 2567 ลูกหนี้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้เข้าร่วมทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 33,123 ราย ทำให้งานมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ฯ สามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน, หนี้ กยศ. และเป็นการระงับข้อพิพาททางเลือกได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งช่วยยุติปัญหาได้โดย ไม่จำเป็นต้องขึ้นศาล และเพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถชำระเงินคืนกองทุนได้อย่างต่อเนื่องจนหมด ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดในเวลา 12.05 น. ของวันนี้นั้น

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ ในวันนี้ ถือเป็นการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบายเร่งด่วน ข้อแรกที่รัฐบาลจะผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจซึ่งจะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจไทยยังเติบโตน้อยกว่าศักยภาพที่มีอยู่จริง อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้นทุกที เราจะเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม ดิฉันขอฝากไปยังท่านเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหารือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไร ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการไกล่เกลี่ยปรับโครงสร้างหนี้ โดยไม่ต้องเดินทางมายังจังหวัด อาจจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ AI เขามาช่วย หรือมอบอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่ใกล้ชิดพี่น้องประชาชนมากที่สุด เป็นหน่วยรับเรื่องเพื่อปรับโครงสร้างหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ได้ อีกทั้ง จะได้เป็นพื้นที่ต้นแบบในการที่จะนำไปปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนประเภทอื่น ๆ เช่น กลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้เช่นกัน
ขณะที่ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าวันนี้ได้ร่วมกับกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และเจ้าหนี้ฝ่ายต่างๆ โดยเราอยากจะลดภาระหนี้ให้กับประชาชน โดยจะให้ประชาชน มีอยู่ มีกิน มีใช้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะให้มีอยู่มีกินมีใช้ก็คือการลดภาระหนี้และแกนี่ให้กับประชาชน โดยวันนี้มีการเปิดตัวที่นราธิวาส และที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือการปรับโครงสร้างหนี้ของ กยศ. ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีประมาณ 120,000 คน และผู้ค้ำอีก 120,000 คน รวมเฉลี่ยแล้วเกือบ 300,000 คน โดยหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้เด็กกับผู้สูงอายุ ดังนั้นการปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งนี้จะสามารถลดภาระหนี้ได้มากถึง 1,500 -2,000 ล้าน และที่สำคัญคือจะปลดผู้ค้ำทั้งหมดประมาณ 150,000 คน เป็นการลดภาระหนี้ ตลอดจนหนี้อื่นๆ และที่สำคัญเรามีการแก้หนี้มานานแล้ว เราต้องการให้ประชาชนมีกินมีใช้ด้วย โดยเงินที่มีอยู่ก็จะให้อยู่ในกระเป๋า ซึ่งจะมีการพัฒนาในรูปแบบต่างๆ โดยจะทำอย่างไรให้ได้สร้างงานสร้างอาชีพ โดยเฉพาะลูกหนี้ กยศ. เรามีความคิดว่าบางครั้งต้องทำงานรัฐที่มันมีงบที่มีโครงการเข้าไปทำ เพื่อเป็นการช่วยเหลืออย่างแท้จริง และที่สำคัญต้องยอมรับว่าที่เป็นหนี้โดยเฉพาะการเป็นหนี้เราต้องใช้หนี้ แต่ต้องให้อยู่ได้ ซึ่งวันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญและเป็นนโยบายอันดับแรก โดยกระทรวงยุติธรรมก็ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนทางผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจะให้ความทุกข์ของประชาชนลดลง เพราะเราเชื่อว่าประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ด้านนางสาวดารุนี ตาปู ลูกหนี้ กยศ. ที่เดินทางเข้าร่วมในครั้งนี้กล่าวว่า โครงการครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูกหนี้ทุกคน เพราะเป็นการลดภาระในการจ่ายดอกเบี้ย ให้สามารถมีเงินเหลือเพื่อยังชีพต่อได้ อีกทั้งยังสามารถนำเงินที่ได้ส่วนลดไปเป็นงบประมาณในการหาอาชีพเสริม ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีรายได้มากขึ้น ส่วนที่ผ่านมา ตนเองก็ต้องขอบคุณ กยศ ที่เปิดโอกาสให้ยืมเรียน สร้างโอกาสให้กับตนเองและลดภาระของครอบครัวได้อย่างมากเช่นกัน